สูตรลับดูแลรถที่สามารถจำกันได้ง่ายๆด้วยหลัก BE-WAGON (บี-วากอน) หลักการตรวจเช็คสภาพรถก่อนออกเดินทางที่ใช้ได้กับรถทุกประเภท ซึ่งมีทั้งหมด 7 ข้อตามตัวอักษรย่อของ “B E - W A G O N” ที่หมายถึง “ทำรถ..ให้เป็นรถที่พร้อมใช้งาน” (BE=เป็น, WAGON=รถ) แล้วแต่ละอักษรจะแปลว่าอะไรบ้างเราไปดูกันเลยครับ
หลักการ BE-WAGON
1. B = Brake ตัว B ในที่นี้ย่อมาจาก Brake ครับ ซึ่งเป็นการตรวจสอบเบรคด้วยการทดลองเหยียบเบรคเมื่อเริ่มขับไป 3 – 5 เมตรแรก และยังเป็นการตรวจสอบผ้าเบรกด้วยครับ หากผ้าเบรกของท่านมีความหนาน้อยกว่า 4 มิลลิเมตรก็ควรเปลี่ยนได้แล้วครับ
2. E = Electricity ตัว E ในที่นี้ย่อมาจาก Electricity นั่นหมายถึงการตรวจสอบระบบไฟของรถยนต์ทั้งหมด และยังหมายถึงการตรวจระบบแบตเตอรี่ ระบบแตร และที่ปัดน้ำฝน ซึ่งควรอยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งานเสมอครับ
3. W = Water ตัว W ในที่นี้หมายถึงการตรวจสอบระดับน้ำในถังพักน้ำสำรอง ซึ่งควรที่จะอยู่ในระดับสูงสุด ตรวจสอบระดับน้ำในถังน้ำล้างกระจกให้พร้อมใช้งาน ตรวจเช็คระดับน้ำในหม้อน้ำโดยทดสอบหม้อน้ำรั่วด้วยการค่อยๆเติมน้ำในหม้อน้ำ หากระดับน้ำไม่เพิ่มขึ้นนั่นอาจหมายถึงหม้อน้ำของท่านกำลังรั่วครับ
4. A = Airตัว A ในที่นี้หมายถึงการตรวจระบบแอร์ทุก 3 เดือน การตรวจเช็คลมยางและดอกยาง ซึ่งดอกยางไม่ควรลึกน้อยกว่า 3 มิลลิเมตร และยางควรมีอายุไม่เกิน 5 ปีนับจากวันผลิต และ A ยังหมายถึงการตรวจสอบควันดำ เพราะควันดำมักมีสาเหตุมาจากความผิดปกติของรถในส่วนต่างๆครับ
5. G = Gasolineตัว G ในที่นี้หมายถึงการตรวจเช็คสภาพของไส้กรองพร้อมและถังน้ำมันเชื้อเพลิงหรือก๊าซให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ครับ
6. O = Oil ตัว O ในที่นี้หมายถึงการตรวจเช็คน้ำมันหล่อลื่น น้ำมันเกียร์อัตโนมัติ น้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์ น้ำมันคลัทช์ และน้ำมันเฟืองท้ายให้อยู่ในระดับมาตรฐานครับ โดยสามารถตรวจสอบใต้ท้องรถว่ามีรอยรั่วซึมหรือไม่ และควรเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องทุกครั้งก่อนเดินทางไกลครับ
7. N = Noise ตัว N หมายถึงการตรวจเสียงดังของเครื่องยนต์ ท่อไอเสีย และส่วนต่างๆ ของรถยนต์ว่ามีความดังผิดปกติหรือไม่ เพราะเสียงถือเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงการสึกหรอของเครื่องยนต์ได้ครับ