19 Nov 2021
มาแรงจริงๆในตอนนี้สำหรับกระแสรถยนต์ไฟฟ้า ไม่ว่าจะเป็นน้องเหมียวสุด cute ORA Good Cat, FOMM ONE, MG ZS EV, Nissan Leaf หรือแบรนด์หรูอย่าง Audi e-tron, LEXUS UX 300e และอีกมากมาย ที่สำคัญเลยคือราคาที่จับต้องได้ สายนวัตกรรมรักษ์โลกจึงถูกใจสิ่งนี้ แต่ก่อนที่เราจะเปลี่ยนไปใช้รถยนต์ไฟฟ้ากัน เรามาดูกันก่อนดีกว่าว่ารถยนต์ไฟฟ้าคืออะไร ใช้งานยังไง มีกี่ประเภท ข้อดี ข้อเสียคืออะไร และแตกต่างจากรถน้ำมันยังไง MR.OOHOO มีสาระดีๆมาเสิร์ฟให้แล้วครับ
ผ่อนเงินสด 0%
ไม่มีบัตรเครดิตก็ผ่อนได้
การันตีราคาถูกที่สุด
เจอที่อื่นถูกกว่าเราพร้อมคืนเงินทันที
เปรียบเทียบได้เลย
เช็คราคา ความคุ้มค่าก่อนสั่งซื้อ
ซื้อเองได้ 24 ชั่วโมง
ไม่ต้องมีเจ้าหน้าที่โทรตาม
รับกรมธรรม์ได้เลย
ผ่านระบบออนไลน์
เจ้าหน้าที่พร้อมบริการด้วยใจ
เมื่อคุณต้องการคำแนะนำ
เรามาทำความรู้จักรถยนต์ EV หรือรถยนต์ Electric Vehicle กันก่อนครับ มันก็คือรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าแทนการใช้เครื่องยนต์ที่มีการเผาไหม้ โดยระบบรถไฟฟ้าจะเก็บพลังงานเอาไว้ในแบตเตอรี่ที่สามารถชาร์จได้ และแปลงพลังงานจากแบตเตอรี่มาใช้ในการขับเคลื่อนรถ เมื่อไม่ต้องมีการเผาไหม้เชื้อเพลิงในการใช้งาน จึงทำให้ไม่มีเสียงดัง ไอเสีย หรือควันพิษที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รถยนต์ EV จึงกลายเป็นตัวเลือกสำคัญในตอนนี้ครับ รถยนต์ไฟฟ้า (EV) มีกี่ประเภท ? 1. รถยนต์พลังงานไฟฟ้า (EV) ประเภทนี้เป็นการใช้พลังงานไฟฟ้าโดยการชาร์จไฟไปเก็บไว้ที่แบตเตอรี่และใช้พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่เพียงอย่างเดียว โดยไม่มีการเผาไหม้เครื่องยนต์ ซึ่งการชาร์จไฟต่อครั้งจะใช้เวลาประมาณ 6-8 ชั่วโมงครับ 2. รถยนต์อี-พาวเวอร์ (E-Power) ประเภทนี้เป็นการทำงานผสมกันระหว่างระบบ Hybrid กับ EV หรือการขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า หลักการคือใช้เครื่องยนต์ทำหน้าที่ปั่นกระแสไฟฟ้าเก็บไว้ที่แบตเตอรี่ แล้วใช้พลังงานที่เก็บไว้ในแบตเตอรี่มาขับเคลื่อนรถด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าครับ 3. รถยนต์ไฮบริด (Hybrid Electric Vehicle) ประเภทนี้เป็นการทำงานผสมกันระหว่างเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมันและไฟฟ้า ขณะสตาร์ทหรือออกตัวจะใช้พลังงานไฟฟ้า ลดการเผาไหม้เชื้อเพลิง จะช่วยประหยัดน้ำมัน เมื่อขับขี่ด้วยความเร็วคงที่ ทั้งระบบเครื่องยนต์และระบบไฟฟ้าจะทำงานร่วมกันพลังงานส่วนเกิน ขณะเร่งเครื่องยนต์เพื่อแซงหรือทำความเร็ว ระบบไฟฟ้าและเครื่องยนต์จะผสานการทำงานร่วมกันอย่างเต็มกำลัง เสริมพลังเพื่ออัตราเร่งสูงสุดได้ ช่วยลดปัญหาการรอรอบครับ 4. รถยนต์ไฟฟ้าปลั๊ก-อิน ไฮบริด (Plug-in Hybrid Electric Vehicle) ประเภทนี้สามารถเสียบปลั๊กชาร์จไฟได้ ความจุแบตเตอรี่ค่อนข้างเยอะ ทำให้ใช้โหมดขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าอย่างเดียวได้นานกว่าระบบไฮบริดประมาณ 30-50 กิโลเมตร และเมื่อกระแสไฟฟ้าในแบตเตอรี่หมดระบบก็จะตัดกลับมาให้เครื่องยนต์ทำงานเหมือนกับปกติครับ 5. รถยนต์ไฟฟ้าเซลเชื้อเพลิง (Fuel Cell Electric Vehicle) ประเภทนี้เป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่มีมอเตอร์ไฟฟ้าขับเคลื่อนและใช้พลังงานไฟฟ้าที่ผลิตจากเซลล์เชื้อเพลิง(Fuel Cell) ซึ่งใช้เชื้อเพลิงจากภายนอก ทำงานโดยส่งไฮโดรเจนและอากาศที่มีออกซิเจนเข้าไปที่แผงเซลล์เชื้อเพลิง สร้างกระแสไฟฟ้าเก็บไว้ในแบตเตอรี่ แล้วนำกระแสไฟฟ้าจากแบตเตอรี่มาใช้ในการขับเคลื่อนรถยนต์ครับ 6. รถยนต์ไฟฟ้าประเภท (Battery Electric Vehicle) ประเภทนี้เป็นการขับเคลื่อนโดยใช้พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ 100% คล้ายกับรถยนต์ไฟฟ้าแบบ PHEV แต่ใช้พลังงานไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว ทำให้มีแบตเตอรี่ขนาดใหญ่กว่า ใช้วิธีเสียบปลั๊กเพื่อชาร์จไฟเมื่อพลังงานหมด ในรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ๆต่อการชาร์จ 1 ครั้งสามารถวิ่งได้ไกลประมาณ 300-500 กม. เลยล่ะครับ ข้อดีของรถยนต์ไฟฟ้า (EV) 1. ประหยัดน้ำมัน 2. ประหยัดค่าซ่อมบำรุง เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง 3. ช่วยโลกละมลพิษ ข้อเสียของรถยนต์ไฟฟ้า (EV) 1. เนื่องจากรถยนต์ไฟฟ้าเป็นนวัตกรรมที่ค่อนข้างใหม่ ผู้ผลิตหรือนำเข้ายังไม่มาก และการใช้ยังไม่แพร่หลาย ทำให้รถยนต์ไฟฟ้ามีราคาแพงกว่ารถยนต์ใช้เชื้อเพลิงครับ 2. ปัจจุบันสถานีชาร์จยังมีให้ใช้บริการไม่มาก แต่ในปี 2565 ทางกฟผ.วางแผนเปิดบริการทั่วทุกพื้นที่แล้วครับ ข้อแตกต่างระหว่างรถยนต์ไฟฟ้า (EV) กับรถน้ำมัน ด้านทั่วไป รถยนต์ไฟฟ้า: เครื่องยนต์เงียบและมีอัตราการเร่งดีกว่าครับ รถยนต์น้ำมัน: มีเสียงดังกว่าและมีการกระชากจากเครื่องยนต์ครับ ด้านพลังงาน รถยนต์ไฟฟ้า: ชาร์จไฟได้จากที่บ้านหรือสามารถชาร์ทตามสถานี โดยใช้ระยะเวลาในการชาร์จประมาณ 1 ชม. หรือมากกว่านั้นขึ้นอยู่กับขนาดของแบตเตอรี่และกำลังไฟฟ้าของเครื่องชาร์จครับ รถยนต์น้ำมัน: เติมน้ำมันได้ที่สถานีบริการน้ำมันทั่วไป โดยใช้เวลาในการเติมน้ำมันไม่นานครับ ด้านการซ่อมบำรุง รถยนต์ไฟฟ้า: ชิ้นส่วนน้อย ซ่อมบำรุงได้รวดเร็ว ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายครับ รถยนต์น้ำมัน: ใช้อะไหล่จำนวนที่มากและเครื่องยนต์มีความซับซ้อนกว่าครับ ด้านสิ่งแวดล้อม รถยนต์ไฟฟ้า: ไม่ปล่อยมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมครับ รถยนต์น้ำมัน: ปล่อยมลพิษ (รถยนต์รุ่นเก่าหรือรถยนต์ที่ดูแลไม่ถูกวิธี) ครับ ราคาน้ำมันที่ค่อนข้างผันผวนในตอนนี้ ทำให้ผู้คนให้ความสนใจกับรถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น เพราะนอกจากจะช่วยประหยัดน้ำมันแล้วยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอีกด้วยครับ ท่านที่กำลังสนใจรถไฟฟ้าคันใหม่ยังไงก็อย่าลืมคันเก่าไปนะครับ หากรถของท่านกำลังจะหมดความคุ้มครองจากประกันรถยนต์ก็อย่าลืมต่อประกันรถยนต์กันด้วยนะครับ และอย่าลืมเช็กราคากันก่อนที่ OOHOO(อู้หู) รับรองว่าได้ความคุ้มครองในราคาที่คุ้มค่าแน่นอนคร้าบบบ