เดินทางเข้าประเทศไทยต้องทำยังไง ?

ในช่วงที่ผ่านมามีหลายท่านที่ยังอยู่ต่างประเทศ เพิ่งไปต่างประเทศบ้าง หรือกำลังจะไปต่างประเทศ แต่ไม่รู้ว่าจะเข้าประเทศไทยได้ไหม ไม่รู้ว่าต้องทำยังไง มาจากประเทศไหนเข้าไทยได้บ้าง ต้องเอกสารอะไรบ้าง แล้วจะต้องกักตัวไหม มีคำถามเยอะไปหมดเลยใช่ไหมล่ะครับ เอาล่ะ MR.OOHOO มีคำตอบครับ เพราะเราได้รวบรวมข้อมูลมาให้ทุกท่านไว้พร้อมแล้ว เราไปดูกันเลยย

เข้าไทยต้องกักตัวไหม ? 1. ไม่ต้องกักตัว (Test and Go) - เดินทางมาจากประเทศต้นทางที่ได้รับอนุญาตให้เข้าประเทศไทย - ได้รับวัคซีนครบแล้ว อย่างน้อย 14 วัน ก่อนวันเดินทาง - มีผลตรวจโควิดเป็นลบ(RT-PCR) โดยผลออกภายใน 72 ชั่วโมง ก่อนเดินทางออก - มีหลักฐานการจองที่พักแบบ SHA+ หรือ Alternative Quarantine (เพื่อรอผลตรวจโควิดที่ห้องพักโรงแรมหลังเดินทางถึงประเทศไทย กรณีผลตรวจเป็นลบจึงจะเดินทางออกจากโรงแรมได้) หมายเหตุ: ต้องอยู่ในประเทศต้นทางที่ได้รับอนุญาตไม่ต่ำกว่า 21 วัน ต้องใช้เอกสารอะไรบ้าง ? 1. หนังสือเดินทาง 2. เอกสารรับรองการฉีดวัคซีน 3. หลักฐานการจองโรงแรมและชำระเงิน SHA+ หรือ Alternative Quarantine 2. อยู่ในพื้นที่ Sandbox 7 วัน (Sandbox program) - ไม่จำกัดประเทศต้นทาง - ได้รับวัคซีนครบแล้ว อย่างน้อย 14 วัน ก่อนวันเดินทางออกจากประเทศต้นทาง - มีผลตรวจโควิดเป็นลบ(RT-PCR) โดยผลออกภายใน 72 ชั่วโมง ก่อนเดินทางออกจากประเทศต้นทาง - มีหลักฐานการจองที่พักแบบ SHA+ อย่างน้อย 7 คืน หมายเหตุ: ชาวต่างชาติต้องมีวีซ่าตามเงื่อนไขการเข้าประเทศ และประกันสุขภาพที่ครอบคลุมการรักษาโควิดในต่างประเทศวงเงิน USD50,000 ต้องใช้เอกสารอะไรบ้าง ? 1. หนังสือเดินทาง 2. เอกสารรับรองการฉีดวัคซีน 3. หลักฐานการจองโรงแรมและชำระเงิน SHA+ 3. กักตัวไม่ต่ำกว่า 10 คืน - ไม่จำกัดประเทศต้นทางที่เดินทางออก - ยังไม่ได้รับวัคซีน ยังรับวัคซีนไม่ครบถ้วน หรือได้รับวัคซีนโดสสุดท้ายน้อยกว่า 14 วัน ก่อนเดินทางออกจากประเทศต้นทาง - มีหลักฐานการจองที่พักแบบ Alternative Quarantine ไม่น้อยกว่า 10 คืน และหลักฐานการชำระเงิน หมายเหตุ: 1. ไม่ต้องแสดงผลตรวจโควิด 2. เด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี ที่ยังไม่ได้รับวัคซีน แต่เดินทางพร้อมผู้ปกครองที่ได้รับวัคซีนครบถ้วนตามเกณฑ์แล้ว สามารถเดินทางเข้าประเทศไทยได้ภายใต้เงื่อนไขไม่ต้องกักตัวหรือกักตัวตามเงื่อนไขเดียวกับผู้ปกครอง ต้องใช้เอกสารอะไรบ้าง ? 1. หนังสือเดินทาง 2. หลักฐานการจองโรงแรมและชำระเงิน Alternative Quarantine แล้วประเทศต้นทางที่ได้รับอนุญาตให้เข้าประเทศไทยมีกี่ประเทศ มีประเทศอะไรบ้าง ? 63 ประเทศ เข้าไทยได้โดยไม่ต้องกักตัว 1. ออสเตรเลีย 2. ออสเตรีย 3. บาห์เรน 4. 5. เบลเยียม 6. ภูฏาน 7. บรูไนดารุสซาลาม 8. บัลแกเรีย 9. กัมพูชา 10. แคนาดา 11. ชิลี 12. จีน 13. โครเอเชีย 14. ไซปรัส 15. สาธารณรัฐเช็ก 16. เดนมาร์ก 17. เอสโตเนีย 18. ฟินแลนด์ 19. ฝรั่งเศส 20. เยอรมนี 21. กรีซ 22. ฮังการี 23. ไอซ์แลนด์ 24. อินเดีย 25. อินโดนีเซีย 26. ไอร์แลนด์ 27. อิสราเอล 28. อิตาลี 29. ญี่ปุ่น 30. คูเวต 31. ลาว 32. ลัตเวีย 33. ลิทัวเนีย 34. ลักเซมเบิร์ก 35. มาเลเซีย 36. มัลดีฟส์ 37. มอลตา 38. มองโกเลีย 39. เมียนมา 40. เนปาล 41. เนเธอร์แลนด์ 42. นิวซีแลนด์ 43. นอร์เวย์ 44. โอมาน 45. ฟิลิปปินส์ 46. โปแลนด์ 47. โปรตุเกส 48. กาตาร์ 49. โรมาเนีย 50. ซาอุดีอาระเบีย 51. สิงคโปร์ 52. สาธารณรัฐสโลวัก 53. สโลวีเนีย 54. ศรีลังกา 55. สาธารณรัฐเกาหลี 56. สเปน 57. สวีเดน 58. สวิตเซอร์แลนด์ 59. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 60. สหราชอาณาจักร 61. สหรัฐอเมริกา 62. เวียดนาม 63 ฮ่องกง 64. ไต้หวัน มาถึงตรงนี้หลายๆท่านคงทราบแล้วว่าจะต้องกักตัวหรือไม่ แล้วขั้นตอนต่อไปจะต้องทำยังไง เอาล่ะ เราไปต่อกันเรื่องเอกสารเลยครับ บางท่านอาจจะเคยได้ยินคำว่า Thailand Pass กันมาบ้างแล้ว แต่ยังไม่รู้ว่า Thailand Pass คืออะไร ต้องทำยังไง ใช้เอกสารอะไรบ้าง แล้วมันต่างจาก Certificate of Entry ยังไง ? เราไปดูกันเลยครับ Thailand Pass คืออะไร ? Thailand Pass ก็คือระบบสำหรับนักเดินทางไม่ว่าจะเป็นชาวไทยหรือต่างชาติที่จะต้องกรอกข้อมูลการเดินทางและข้อมูลสุขภาพก่อนเข้าประเทศไทย หากท่านได้รับการอนุมัติก็จะได้รับ QR Code เพื่อใช้ในการเข้าประเทศไทยแทนการออกเอกสาร Certificate of Entry (COE) นั่นเองครับ เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 ที่ผ่านมาประเทศไทยได้เริ่มเปิดประเทศให้เพื่อนบ้านหรือท่านที่อยู่ต่างประเทศสามารถเดินทางเข้าประเทศ โดยจะต้องลงทะเบียนผ่านระบบ Thailand Pass ทุกคน และควรลงทะเบียนพร้อมส่งเอกสารล่วงหน้าอย่างน้อย 7 วัน ก่อนวันเดินทางเข้าประเทศด้วยครับ Thailand Pass ต่างกับ Certificate of Entry ยังไง ? ​​1. เอกสารที่ใช้ยื่นคําร้อง Certificate of Entry 1. ข้อมูลส่วนบุคคลและหนังสือเดินทาง 2. เอกสารยืนยันบุคคลได้รับอนุญาตเดินทางเข้าประเทศ เช่น วีซ่า ใบอนุญาตทํางาน ทะเบียนสมรส ฯลฯ 3. เอกสารรับรองการได้รับวัคซีน 4. ประกันสุขภาพครอบคลุมระยะเวลาที่อยู่ไทย 5. รายละเอียดการเดินทางเข้าไทยและบัตรโดยสารเครื่องบิน 6. เอกสารยืนยันการจองที่พักที่มีรูปแบบเฉพาะ 7. ใบจองตรวจโควิด(กรณีเข้า Sandbox) Thailand Pass 1. ข้อมูลส่วนบุคคลตามแบบฟอร์ม ต.8 และ ตม.6 และหนังสือเดินทาง 2. เอกสารรับรองการได้รับวัคซีน 2. ขั้นตอนลงทะเบียน Certificate of Entry 1. ต้องกรอกข้อมูลผ่านเว็บไซต์ จํานวน 2 ครั้ง เพื่อลงทะเบียนข้อมูล 1 ครั้ง และยืนยันการเดินทาง 1 ครั้ง 2. หากกรอกข้อมูลหรืออัปโหลดเอกสารไม่ถูกต้องจะถูกปฏิเสธคําร้องของผู้เดินทาง และผู้เดินทางต้องไปยังเว็บไซต์เพื่อแก้ไขข้อมูล Thailand Pass 1. กรอกข้อมูลผ่านเว็บไซต์เพียง 1 ครั้ง 2. อาจเข้าไปแก้ไขข้อมูลเฉพาะกรณีที่กรมควบคุมโรคขอให้ผู้เดินทางยื่นเอกสารรับรองการได้รับวัคซีนเพิ่มเติม เพื่อใช้ประกอบการพิจารณา 3. ระยะเวลาอนุมัติ Certificate of Entry 1. 3-6 วันทําการ หลังจากผู้เดินทางส่งเอกสารทั้งหมดครบถ้วน กรณีเอกสารของผู้เดินทางไม่ถูกต้อง ต้องแก้ไขเอกสารซึ่งอาจส่งผลให้ระยะเวลาการอนุมัติเอกสารเพิ่มมากขึ้นอีก 2. ผู้เดินทางต้องขอ COF ใหม่ทุกครั้งที่เดินทางเข้า Thailand Pass 1. 1-3 วัน หลังจากการลงทะเบียน ขึ้นอยู่กับการพิจารณาเอกสารรับรองการฉีดวัคซีนของกรมควบคุมโรค 2. กรณีเดินทางซ้ำ ผู้เดินทางแค่อัพเดทข้อมูลบางส่วน ไม่ต้องเริ่มยื่นคําร้องใหม่ เพราะระบบมีการเก็บข้อมูลผู้เดินทางไว้เป็นเวลา 1 ปี นับจากวันที่ผู้เดินทางฉีดวัคซีนเข็มล่าสุด 4. ระบบตรวจสอบเอกสาร Certificate of Entry 1. มีการตรวจสอบเอกสารด้วยตาเปล่าตามแนวทางที่กําหนด ก่อนอนุมัติลงทะเบียนและอนุมัติ COE ให้ผู้เดินทาง กรณีผู้เดินทางยื่นเอกสารไม่ครบถ้วนตามเกณฑ์จะถูกปฏิเสธคําร้อง ให้ผู้เดินทางรีบแก้ไขข้อมูล 2. กรมควบคุมโรคจะเป็นผู้พิจารณาตรวจสอบเอกสารรับรอง การได้รับวัคซีนในเบื้องต้นด้วยตาเปล่าตามแนวทางกําหนด Thailand Pass 1. สามารถดาวน์โหลดเอกสารได้ทันที เมื่อได้รับการอนุมัติเอกสารรับรองการได้รับวัคซีน 2. การตรวจสอบเอกสารรับรองการได้รับวัคซีน 2.1 การตรวจโดยระบบอัตโนมัติสําหรับผู้ยื่นเอกสารวัคซีนที่มี QR code และประเทศที่ออกเอกสารได้ให้ Public Key สําหรับการตรวจสอบเอกสารแก่ทางการไทยแล้ว 2.2 การตรวจโดยกรมควบคุมโรคด้วยตาเปล่าตามเกณฑ์กําหนด 3. มีระบบการตรวจสอบการจองที่พัก SHA+ ผ่านระบบ SHABA และ Alternative Quarantine ผ่าน การยืนยันผู้เข้าพักจากโรงแรม Alternative Quarantine 5. กรณีเดินทางมาถึงไทย Certificate of Entry 1. เตรียมเอกสารประกอบการเข้าไทยทั้งหมด เพื่อแสดงต่อด่านควบคุมโรคและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 2. ด่านควบคุมโรคตรวจสอบ COE และดึงข้อมูลจากระบบ COE ผ่านเลขหนังสือเดินทางของผู้เดินทาง และตรวจสอบเอกสารทั้งหมดอีกครั้ง เรียกเอกสาร ต.8 ประทับตราเอกสารผู้เดินทาง ก่อนให้ผู้เดินทางผ่านไปยื่นเอกสาร ตม.6 กับเจ้าหน้าที่ Thailand Pass 1. เตรียม Thailand Pass QR code และผลตรวจหาเชื้อโควิด-19 ไม่เกิน 72 ซม. ก่อนออกเดินทางจากต้นทางมาแสดงต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 2. ด่านควบคุมโรค ณ ท่าอากาศยานตรวจสอบ Thailand Pass QR code ของผู้เดินทางแต่ละคน และบันทึกข้อมูลการตรวจสอบและข้อมูลสุขภาพตามเอกสาร ต.8 ได้ทันที หลังการสแกน QR code และส่งตัวผู้เดินทางไปยัง ตม. ซึ่งสามารถบันทึกการเข้าเมืองในรูปแบบเดียวกับ ตม.6 ได้ทันที ขั้นตอนการขอ Thailand Pass 1. เตรียมเอกสาร - หนังสือเดินทาง - วีซ่า(สำหรับชาวต่างชาติ) - เอกสารยืนยันการจอง Alternative Quarantine หรือ SHA+ ตามข้อกำหนดของแต่ละโครงการ พร้อมใบเสร็จที่แสดงว่าชำระค่าใช้จ่ายเรียบร้อยแล้ว - เอกสารรับรองการฉีดวัคซีนครบถ้วนตามข้อกำหนดของรัฐบาลไทยมากกว่า 14 วันก่อนเดินทางในกรณีที่เข้าร่วมโครงการไม่กักตัวจาก รายชื่อ 63 ประเทศ และ โครงการ Sandbox - ประกันสุขภาพที่ครอบคลุมการรักษาโควิดในต่างประเทศวงเงิน USD50,000 (สำหรับชาวต่างชาติเท่านั้น) 2. ลงทะเบียน - ลงทะเบียนอย่างน้อย 7 วันก่อนเดินทางเข้าประเทศไทยที่ https://tp.consular.go.th/ - กรอกข้อมูลส่วนตัวและแบบฟอร์ม Immigration พร้อมอัปโหลดเอกสารที่จำเป็น - รอการอนุมัติเอกสารรับรองการฉีดวัคซีน และรอรับ Thailand Pass QR Code 3. เตรียมเอกสารตรวจเชื้อโควิด -19 (RT-PCR) ต้องมีผลเป็นลบก่อนเดินทางเข้าประเทศไทยไม่เกิน 72 ชั่วโมง ก่อนออกเดินทาง 4. เดินทางเข้าประเทศ - แสดงเอกสารทั้งหมดต่อเจ้าหน้าที่สนามบินที่ท่านมาถึง - ผ่านกระบวนการพิธีตรวจคนเข้าเมืองและกรมควบคุมโรค - เดินทางไปตรวจหาเชื้อโควิด-19 ณ โรงแรมที่ท่านได้จองไว้ โดยรถของโรงแรมเท่านั้น - สแกนแอปพลิเคชันหมอชนะ 5. รอตรวจหาเชื้อโควิด-19 เมื่อเดินทางถึงโรงแรม ทางโรงแรมจะดำเนินการตรวจหาเชื้อโควิด-19 หากผลตรวจออกมาเป็นลบ ท่านก็สามารถเดินทางออกจากโรงแรมได้ครับ หากท่านต้องการเลือกซื้อประกัน สามารถเช็กความคุ้มครองและราคาได้ที่ประกันออนไลน์ OOHOO(อู้หู) เพื่อความอุ่นใจทุกการเดินทางครับ