16 Jan 2023
หลังจากผ่านการเฉลิมฉลองปีใหม่ 2567 แบบสากลกันได้ไม่นาน ก็ใกล้เข้าสู่เทศกาลปีใหม่ของชาวจีนหรือชาวไทยเชื้อสายจีนกันแล้ว อย่างเทศกาลตรุษจีนนั่นเอง เพื่อนๆ ของ Mr. OOHOO ที่มีเชื้อสายจีนคงกำลังเตรียมตัวเฉลิมฉลองและหาของไหว้กันอยู่แน่ๆ แต่ไม่ต้องไปหาที่ไหนไกล Mr. OOHOO ไปเก็บข้อมูลหามาให้เรียบร้อยแล้ว มีทั้งเรื่องราวความเป็นมาของวันตรุษจีน ตำนานเรื่องเล่าของวันตรุษจีน รวมไปถึงการซื้อของไหว้ การเตรียมตัวไหว้ วันและช่วงเวลาสำหรับไหว้เพื่อให้เป็นมงคลที่สุด รวมไปถึงข้อควรปฏิบัติในวันตรุษจีน 2567 จะได้เสริมความเป็นสิริมงคล เฮงๆ รวยๆ รับอั่งเปาซองโตกันไปเลย
วันตรุษจีนปี 2567 จะแบ่งวันสำคัญออกเป็น 3 วันหลักๆ คือ วันจ่าย วันไหว้ และวันเที่ยว มีรายละเอียดดังนี้
วันจ่าย ตรงกับวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2567 วันจ่าย ถือเป็นวันแรกของการเริ่มต้นวันตรุษจีน โดยวันดังกล่าวสมาชิกในบ้านที่รับหน้าที่ดูแลอาหารในครัว ต้องออกไปจับจ่ายใช้สอยเลือกซื้อวัตถุดิบต่าง ๆ เพื่อนำมาปรุงอาหารสำหรับการไหว้บรรพบุรุษ และให้คนในครอบครัวรับประทาน ซึ่งอาหารที่นำมาเป็นของไหว้วันตรุษจีน นอกจากมีเมนูโปรดของบรรพบุรุษผู้ล่วงลับไปแล้ว ยังเน้นการเลือกเมนูที่แฝงไปด้วยความมงคล มีครบทั้งเมนูของคาว ของหวาน และผลไม้
วันไหว้ตรุษจีน ตรงกับวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2567 ตอนเช้ามืดวันที่สองของเทศกาลตรุษจีน เป็นวันที่เพื่อนๆ จะต้องเตรียมของไหว้ไปที่ศาลเจ้าตามสถานที่จัดไว้และไหว้ศาลที่บ้าน รวมถึงไหว้บรรพบุรุษ ไหว้ทำทานให้สัมภเวสี และไหว้เทพเจ้าไฉ่ซิงเอี้ย โดยเวลาไหว้ เริ่มตั้งแต่ช่วงเช้าไปจนถึงช่วงกลางคืน ภายหลังจากไหว้เสร็จก็จะมีการรับประทานอาหารร่วมกันที่บ้าน
วันเที่ยว ตรงกับวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2567 วันเที่ยว ซึ่งก็คือวันตรุษจีน วันที่หลังจากวันไหว้ที่คนจีนจะใช้เวลานี้ไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ หรือเอาของขวัญไปให้ญาติพี่น้อง มีการแจกอั่งเปาเด็กๆ แต่ว่าจะออกเดินทางไปเที่ยวกันก็อย่าลืมทำประกันรถยนต์ติดรถไว้ด้วยนะครับ Mr. OOHOO ก็มีแนะนำให้แล้ว ต้องที่เว็บไซต์ OOHOO.io เท่านั้น แหล่งซื้อประกันรถยนต์ออนไลน์ที่รวมบริษัทประกันชั้นนำมากกว่า 20 บริษัท มีประกันทุกประเภท ราคาเบาหวิว แถมซื้อง่าย เลือกและเปรียบเทียบแผนได้ด้วยตัวเองอีก อู้หู! ดีจริงๆ
เริ่มกันที่ประวัติความเป็นมาของวันตรุษจีน เพื่อนๆ หลายคนอาจจะยังไม่รู้หรือสงสัยว่า ทำไมต้องมีวันตรุษจีนด้วย Mr. OOHOO ไปสืบค้นประวัติมาให้อ่านกันเพลินๆ แล้ว ไปดูกันเลย
วันตรุษจีน มีความเป็นมายาวนานกว่า 3,500 ปี โดยจัดขึ้นเพื่อที่จะฉลองฤดูใบไม้ผลิ เนื่องจากช่วงก่อนเทศกาลตรุษจีนนั้น ประเทศจีนปกคลุมไปด้วยหิมะ จึงไม่สามารถทำการเกษตรได้ เมื่อเข้าถึงฤดูใบไม้ผลิ จึงจะสามารถเพาะปลูกพืชผักได้ตามปกติ ชาวจีนจึงกำหนดให้วันแรกของฤดูใบไม้ผลิตในแต่ละปีเป็นวันสำคัญที่เรียกว่า "วันตรุษจีน" หรือ “เทศกาลฉลองฤดูใบไม้ผลิ”
เทศกาลนี้เริ่มต้นในวันที่ 1 เดือน 1 ตามปฏิทินจีน ทำให้วันตรุษจีนหรือเทศกาลปีใหม่จีนไม่ตรงกันในแต่ละปี และไม่ตรงกับวันขึ้นปีใหม่สากล โดยจะตกอยู่ในช่วงปลายเดือนมกราคมถึงกลางเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี หรือช่วงสิ้นสุดฤดูหนาวและเริ่มต้นฤดูใบไม้ผลิที่อากาศเริ่มมีความอบอุ่นมากขึ้น ส่งผลให้สามารถเพาะปลูกและทำการเกษตรได้
ปัจจุบันมีการเฉลิมฉลองเทศกาลตรุษจีนในหลายประเทศและพื้นที่ในทวีปเอเชียซึ่งมีประชากรจีนหรือประชากรเชื้อสายจีนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก เช่น จีนแผ่นดินใหญ่ มาเลเซีย ฮ่องกง อินโดนีเซีย มาเก๊า มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไต้หวัน รวมถึงในประเทศไทยด้วย นอกจากนี้ ชุมชนชาวจีนทั่วโลก รวมทั้งในฝั่งตะวันตก เช่น สหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักร ก็ยังร่วมจัดงานเฉลิมฉลองปีใหม่จีนนี้เช่นกัน
อู้หู! ช่างเป็นวันที่มีประวัติความเป็นมาเก่าแก่และมีความสำคัญกับคนจีนและคนเชื้อสายจีนมากๆ เลยทีเดียว นอกจากนี้วันตรุษจีนยังมีตำนานเล่าขานกันต่อมาอีก ซึ่งเป็นที่มาของสีแดงในวันตรุษจีน รวมไปถึงสาเหตุว่าทำไมถึงต้องให้ซองแดงที่หลายคนโปรดปรานในวันตรุษจีนด้วย อยากรู้ก็ตามไปดูต่อกันเลย
วันปีใหม่จีนเรียกว่า โก้ว เหนียน หรือ Guo Nian (过年) ในภาษาจีน ซึ่งหมายถึง 'ฉลอง (ปีใหม่)' หรือ 'เอาชนะเหนียน' อักขระ 年 (Nián) หมายถึง 'ปี' หรือ 'สัตว์ประหลาดเหนียน'
ในสมัยโบราณ มีสัตว์ประหลาด ชื่อ เหนียน (年 หรือเหนียนโชว Nianshou 年兽) มีหัวยาวและมีเขาแหลม มันอาศัยอยู่ในทะเลลึกตลอดทั้งปีและจะปรากฏตัวทุกวันส่งท้ายปีเก่าเพื่อกินผู้คนและปศุสัตว์ในหมู่บ้านใกล้เคียงเท่านั้น ดังนั้นในวันส่งท้ายปีเก่า ผู้คนจะหนีไปยังภูเขาที่ห่างไกลเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้สัตว์ประหลาดทำร้าย ผู้คนใช้ชีวิตด้วยความหวาดกลัวสัตว์ประหลาดตัวนี้ จนกระทั่งชายชราผมขาวและผิวสีแดงก่ำมาเยี่ยมหมู่บ้าน
ชายชราปฏิเสธที่จะซ่อนตัวบนภูเขาพร้อมกับชาวบ้าน และประสบความสำเร็จในการไล่สัตว์ประหลาดด้วยการแปะกระดาษสีแดงที่ประตู เผาไม้ไผ่ให้เกิดเสียงดัง (จุดประทัด) จุดเทียนในบ้านและสวมเสื้อผ้าสีแดง เมื่อชาวบ้านกลับมาก็ต้องประหลาดใจเมื่อพบว่าหมู่บ้านไม่ได้ถูกสัตว์ประหลาดทำลาย
หลังจากเหตุการณ์นั้น ทุกวันก่อนปีใหม่ ผู้คนในหมู่บ้านก็ทำตามที่ท่านผู้เฒ่าสั่ง และสัตว์ประหลาดเหนียนก็ไม่ปรากฏตัวอีกเลย ประเพณีนี้สืบต่อกันมาจนถึงปัจจุบันและได้กลายเป็นวิธีสำคัญในการเฉลิมฉลองการมาถึงของปีใหม่
ในช่วงตรุษจีน คู่สมรสหรือผู้สูงอายุจะมอบอั่งเปาให้กับลูกหลานหรือหนุ่มสาวที่ยังไม่แต่งงาน ซองจดหมายสีแดงเรียกอีกอย่างว่า yasui qian หรือ ยาซุย เฉียน ("เงินนำโชค")
ตามตำนาน ในวันส่งท้ายปีเก่า นอกจากสัตว์ประหลาดเหนียนแล้ว ยังมีปีศาจชื่อ Sui หรือ ซุย ออกมาทำให้เด็กๆ หวาดกลัวในขณะที่พวกเขาหลับอยู่ ว่ากันว่าเด็กๆ ที่ถูกปีศาจสัมผัสจะกลัวเกินกว่าจะร้องไห้ออกมาดัง ๆ ส่งผลให้เด็กๆ เป็นไข้รุนแรง และถึงกับคุ้มดีคุ้มร้าย ดังนั้นเพื่อให้เด็กๆ ปลอดภัยจากการถูกทำร้ายโดยปีศาจซุย เหล่าพ่อแม่ก็จะจุดเทียนและเฝ้าลูกทั้งคืน
ในวันส่งท้ายปีเก่าวันหนึ่ง ในครอบครัวของข้าราชการครอบครัวหนึ่ง พ่อแม่ให้เหรียญแปดเหรียญแก่ลูก เพื่อให้ลูกใช้เล่น จะได้ไม่หลับ เพื่อไม่ให้หนูน้อยถูกปีศาจทำร้าย หนูน้อยจึงนั่งเล่นห่อเหรียญด้วยกระดาษสีแดง เปิดซอง ปิดซอง แล้วเปิดใหม่จนหนูน้อยเหนื่อยจึงผล็อยหลับไป จากนั้นพ่อแม่ก็จะวางห่อที่มีเหรียญแปดเหรียญไว้ใต้หมอนของหนูน้อย เมื่อซุยพยายามแตะศีรษะของเด็กน้อย เหรียญทั้งแปดก็เปล่งแสงออกมาและทำให้ปีศาจกลัว แปดเหรียญกลายเป็นแปดเทวดา นับจากนั้นเป็นต้นมา การให้อั่งเปาก็กลายเป็นวิธีที่ช่วยให้เด็กๆ ปลอดภัยและนำโชคดีมาให้
ฟังที่มาของวันตรุษจีนและตำนานเรื่องเล่ากันไปเรียบร้อยแล้ว ได้เวลาเตรียมของไหว้ ความหมายของของไหว้ การจัดของไหว้ และการไหว้เจ้าที่ วันตรุษจีน จะมีอะไรบ้างนั้น ตาม Mr. OOHOO ไปดูพร้อมเตรียมจดลิสต์ตามได้เลย
อาหารไหว้เจ้า และของไหว้ในวันตรุษจีน ส่วนใหญ่จะเน้นของที่มีความหมายดี เป็นมงคล และสื่อถึงความอุดมสมบูรณ์พูนผล เพื่อความเป็นสิริมงคลในชีวิต หากไม่แน่ใจว่าอาหาร ของหวานและผลไม้แต่ละประเภทมีความหมายดี เป็นมงคลหรือเปล่า Mr. OOHOO เคยอธิบายไว้แล้ว ตามไปดูที่ความหมายของไหว้ตรุษจีนได้เลย โดยหากจะไหว้เต็มรูปแบบก็จะมี 4 แบบด้วยกัน คือ
1. สำหรับไหว้เจ้าที่
2. สำหรับไหว้บรรพบุรุษ
3. สำหรับไหว้ทำทานสัมภเวสี (ดวงวิญญาณไร้ญาติ)
4. สำหรับไหว้ขอโชคลาภเพิ่มเติม ก็จะมี ของไหว้เทพเจ้าไฉ่ซิงเอี๊ยเพิ่มเข้าไปอีกด้วย
ของไหว้หลักๆ ก็จะประกอบไปด้วย ของคาว ขนมหรือของหวานอื่นๆ และผลไม้ โดยจำนวนจะยึดที่ของคาวหรือเนื้อสัตว์เป็นหลัก ได้แก่
- ไหว้ 3 อย่าง (ซาแซ) ประกอบด้วย หมูส่วนสะโพกติดหนัง (บะแซหรือบะแซะ) เป็ด (พร้อมเครื่องใน) ไก่ (พร้อมเครื่องใน)
- ไหว้ 5 อย่าง (โหงวแซ) ประกอบด้วย หมู (บะแซหรือบะแซะ) เป็ด (พร้อมเครื่องใน) ไก่ (พร้อมเครื่องใน) ปลาทั้งตัว หรืออาหารทะเล (เช่น ปลาหมึกแห้งทั้งตัวไม่ต้องต้ม กุ้งต้มสุก ปูต้มสุก หรือหอยลวกสุก) หรือ ตับ
แล้วไหว้ของหวานกับผลไม้ด้วยจำนวนเท่ากันเป็นอย่างน้อย เช่น หากไหว้ของคาว 3 อย่าง ก็จะมีของหวาน 3 อย่าง และผลไม้ 3 อย่าง ไม่น้อยไปกว่านี้ แต่หากมีกำลังทรัพย์ก็สามารถไหว้มากกว่านี้ได้
ผ่อนเงินสด 0%
ไม่มีบัตรเครดิตก็ผ่อนได้
การันตีราคาถูกที่สุด
เจอที่อื่นถูกกว่าเราพร้อมคืนเงินทันที
เปรียบเทียบได้เลย
เช็คราคา ความคุ้มค่าก่อนสั่งซื้อ
ซื้อเองได้ 24 ชั่วโมง
ไม่ต้องมีเจ้าหน้าที่โทรตาม
รับกรมธรรม์ได้เลย
ผ่านระบบออนไลน์
เจ้าหน้าที่พร้อมบริการด้วยใจ
เมื่อคุณต้องการคำแนะนำ
ช่วงเวลาการไหว้ของวันตรุษจีน
การไหว้เจ้าในวันตรุษจีนจะแบ่งเวลาไหว้ออกเป็น 4 ช่วง ได้แก่
ช่วงที่ 1 ไหว้เจ้าที่ ช่วงเช้า 06.00-07.00 น. ของวันที่ 21 มกราคม 2566
ของไหว้สำหรับไหว้เจ้าที่ในวันตรุษจีน ได้แก่
1. ไหว้ 3 อย่าง (ชุดซาแซ) หรือ ไหว้ 5 อย่าง (ชุดโหงวแซ)
2. ขนมไหว้ ได้แก่ ฮวกก้วย (ขนมถ้วยฟู) คักท้อก้วย (ขนมกู๋ช่าย) สื่อถึงความเฟื่องฟู เจริญรุ่งเรือง
3. ขนมจันอับ หรือขนมจับกิ้ม หรือแต้เหลี้ยว สื่อถึงธัญญาหารอุดมสมบูรณ์ และซาลาเปาสีชมพู แต้มจุดสีแดง หมายถึง ห่อโชค
4. ขนมไหว้พิเศษ ได้แก่ ขนมเข่ง หมายถึงมีเพื่อนมาก ขนมเทียน หมายถึงสว่างสดใส รุ่งเรือง
5. ผลไม้มงคล เช่น ส้ม กล้วยทั้งหวี (เลือกแบบสีเขียวที่ยังดิบอยู่) องุ่น แอปเปิ้ล ชมพู่ สาลี่ เป็นต้น
6. เครื่องดื่ม ได้แก่ น้ำชา 5 ที่ อาจมีเหล้าด้วยอีก 5 ที่
7. กระดาษเงิน กระดาษทอง ชุดไหว้เจ้า (หงิ่งเตี๋ย) 5 ชุด
8. เทียนแดงก้านไม้แบบจีน 1 คู่ พร้อมเชิงเทียน
9. กระถางธูป
10. ธูปสำหรับไหว้
11. แจกันดอกไม้
วิธีการจัดของไหว้และขั้นตอนการไหว้เจ้าที่ในวันตรุษจีน
1. ให้นำน้ำชา 5 ถ้วย วางเรียงแถวหน้ากระดาน
2. จัดเตรียมชุดไหว้ของคาว วางด้านขวามือของผู้ไหว้
3. จัดเตรียมชุดไหว้ผลไม้ วางด้านซ้ายมือของผู้ไหว้
4. จัดเตรียมชุดขนมและของหวาน วางต่อด้านหลังจากชุดผลไม้
5. จัดเตรียมกระดาษเงินกระดาษทอง โดยให้ใช้ถาดชุดขนมวางทับไว้
6. ใช้ธูปเทียนปักตามปกติ ใช้เทียน 1 คู่ เจ้าที่ตี่จู่เอี๊ยใช้ธูป 5 ดอก เจ้าที่อื่นๆ ให้ใช้ธูป 3 ดอก
เจ้าที่หรือเทพเจ้าประตู (หมึ่งซิ้ง) ใช้ธูป 2 ดอก โดยปักจุดละ 1 ดอก เริ่มปักฝั่งซ้ายก่อน แล้วค่อยปักฝั่งขวา เพื่อบอกกล่าวขออนุญาตให้ท่านเปิดทางให้ดวงวิญญาณบรรพบุรุษของเราเข้ามารับของไหว้ได้ในวันตรุษจีน
ช่วงที่ 2 ไหว้บรรพบุรุษ ช่วงสาย ไม่เกินเที่ยง (10.00-11.00 น.) วันที่ 21 มกราคม 2566
ของไหว้สำหรับไหว้บรรพบุรุษในวันตรุษจีน ได้แก่
1. ไหว้ 3 อย่าง (ชุดซาแซ) หรือ ไหว้ 5 อย่าง (ชุดโหงวแซ)
2. ขนมไหว้ ได้แก่ ฮวกก้วย (ขนมถ้วยฟู) คักท้อก้วย (ขนมกู๋ช่าย) สื่อถึงความเฟื่องฟู เจริญรุ่งเรือง
3. ขนมจันอับ หรือขนมจับกิ้ม หรือแต้เหลี้ยว สื่อถึงธัญญาหารอุดมสมบูรณ์ และซาลาเปาสีชมพู แต้มจุดสีแดง หมายถึง ห่อโชค
4. ขนมไหว้พิเศษ ได้แก่ ขนมเข่ง หมายถึงมีเพื่อนมาก ขนมเทียน หมายถึงสว่างสดใส รุ่งเรือง
5. ผลไม้มงคล เช่น ส้ม กล้วยทั้งหวี (เลือกแบบสีเขียวที่ยังดิบอยู่) องุ่น แอปเปิ้ล ชมพู่ สาลี่ เป็นต้น
6. กับข้าว 5 อย่าง
7. ข้าวสวยตักใส่ถ้วยพูนๆ พร้อมตะเกียบ ตามจำนวนบรรพบุรุษ
8. เครื่องดื่ม ได้แก่ น้ำชา 5 ที่ อาจมีเหล้าด้วยอีก 5 ที่
9. กระดาษเงิน กระดาษทอง จะต้องมีอ่วงแซจิ่วสำหรับเป็นใบเบิกทางบรรพบุรษให้ลงมารับของไหว้
10. ทองแท่งสำเร็จรูป แบงค์กงเต็ก ค้อซี/ก๊อซี ฯลฯ ปริมาณตามสะดวก
11. เทียนแดงก้านไม้แบบจีน 1 คู่ พร้อมเชิงเทียน
12. กระถางธูป
13. ธูปสำหรับไหว้
14. แจกันดอกไม้
วิธีการจัดของไหว้และขั้นตอนการไหว้บรรพบุรุษในวันตรุษจีน
1. ให้นำน้ำชา 5 ถ้วย วางเรียงแถวหน้ากระดาน
2. จัดเตรียมชุดไหว้ของคาว วางด้านขวามือของผู้ไหว้
3. จัดเตรียมข้าวสวย แล้ววางตั้งเรียงแถวหน้ากระดาน พร้อมด้วยตะเกียบ โดยให้ด้ามตะเกียบหันไปที่รูปของบรรพบุรุษ
4. จัดเตรียมกับข้าว 5 อย่าง แล้ววางตั้งเรียงแถวหน้ากระดาน
5. จัดเตรียมผลไม้และขนม วางอยู่ในแถวเดียวกัน
6. จัดเตรียมเครื่องกระดาษต่างๆ ที่ต้องการจะส่งให้บรรพบุรุษ
7. จุดธูปเทียนตามปกติ ใช้เทียน 1 คู่ ธูปคนละ 3 ดอก โดยให้ผู้อาวุโสที่สุดเป็นผู้จุดก่อน
ช่วงที่ 3 ไหว้สัมภเวสี ช่วงบ่าย 14.00-16.00 น. ของวันที่ 21 มกราคม 2566
ของไหว้สำหรับไหว้ทำทานให้สัมภเวสีในวันตรุษจีน ได้แก่
1. จัดเตรียมคล้ายของไหว้บรรพบุรุษตามกำลังทรัพย์ ไม่เฉพาะเจาะจงว่าต้องมีแค่ไหน
2. ควรเปลี่ยนจากน้ำชาเป็นน้ำเปล่าแบบขวด และเหล้าใช้แบบขวดเช่นกัน
3. กระดาษเงินกระดาษทอง ตามกำลังทรัพย์
4. เกลือและข้าวสารเตรียมแยกไว้สำหรับสาดบริเวณบ้านหลังไหว้เสร็จ
5. ประทัดสำหรับจุดหลังไหว้เสร็จ
6. เสื่อสำหรับปูรองของไหว้ที่พื้น
วิธีการจัดของไหว้และขั้นตอนการไหว้ทำทานให้สัมภเวสีในวันตรุษจีน
1. จัดเตรียมข้าว ขนม น้ำเปล่า (แบบขวด) เหล้า (แบบขวด) กระดาษเงิน กระดาษทอง โดยวางบนเสื่อปูที่พื้นด้านนอกตัวบ้าน และหันออกนอกตัวบ้าน
2. จุดธูป 1 ดอก เวลาไหว้ให้ยืนไหว้ไม่ต้องคุกเข่า
3. เมื่อไหว้เสร็จและเก็บของแล้ว ให้สาดเกลือเม็ดกับข้าวสารไปทั่วบริเวณ และจุดประทัด เพื่อไม่ให้มีอะไรตกค้างในบ้าน และเป็นการปัดเป่าสิ่งไม่เป็นมงคลต่างๆ
ช่วงที่ 4 ไหว้เทพเจ้าไฉ่ซิงเอี๊ย ช่วงดึกของคืนวันตรุษจีน
ในช่วงกลางคืน จะเป็นช่วงของการไหว้เทพเจ้าไฉ่ซิงเอี๊ย หรือเทพเจ้าแห่งโชคลาภ เพื่อเสริมมงคลเรื่องการเงิน การงาน และโชคลาภต่าง ๆ
ของไหว้สำหรับไหว้เทพเจ้าไฉ่ซิงเอี๊ย (เทพเจ้าแห่งโชคลาภ)ในวันตรุษจีน ได้แก่
1. รูปหรือรูปปั้นเทพเจ้าไฉ่ซิงเอี๊ยสำหรับกราบไหว้
2. แจกันดอกไม้สด 1 คู่
3. เทียนแดงก้านไม้แบบจีน 1 คู่ พร้อมเชิงเทียน
4. กระถางธูป
5. ธูปสำหรับไหว้
6. น้ำชา 5 ถ้วย
7. ขนมอี๊(สาคูสีแดง) 5 ถ้วย หรือข้าวสวย 5 ถ้วย
8. ขนมจันอับ หรือขนมจับกิ้ม หรือแต้เหลี้ยว
9. ผลไม้มงคล 5 อย่าง เช่น ส้ม แอปเปิ้ลแดง องุ่นแดง กล้วยหอมทอง สับปะรด ฯลฯ
10. เจไฉ่ หรือของเจ 5 อย่าง เช่น ดอกไม้จีน ฟองเต้าหู้ วุ้นเส้น เห็ดหอม เห็ดหูหนู
11. ชุดกระดาษไหว้ไฉ่ซิงเอี๊ย ประกอบด้วย หงิ่งเตี๋ย 12 ชุด กิมหงิ่งเต้า 1 คู่ เทียงเถ้าจี๊ 1 ชุด เทียบเชิญแดง 1 แผ่น กระดาษสีเขียว 1 แผ่น (เทียบเชิญสีเขียว)
วิธีการจัดของไหว้และขั้นตอนการไหว้เทพเจ้าไฉ่ซิงเอี้ยในวันตรุษจีน
1. จัดโต๊ะบูชาตามทิศทางทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ที่เชื่อกันว่าเทพเจ้าไฉ่ซิงเอี้ยจะเสด็จลงมา
2. อัญเชิญรูปองค์เทพเจ้าไฉ่ซิงเอี้ย มาวางไว้ที่โต๊ะบูชา หากไม่มีให้ตั้งจิตอธิษฐานถึงท่าน พร้อมด้วยกระถางธูปและเทียนแดง 1 คู่
3. เริ่มบูชาเทพเจ้าไฉ่ซิงเอี้ยได้ตั้งแต่เวลา 23:00 น. เป็นต้นไป โดยการจัดโต๊ะบูชาที่ดาดฟ้าหรือหลังคาบ้านหรือระเบียงชั้น 2 หรือ 3 หรือหน้าบ้านก็ได้
4. นำสิ่งของที่เกี่ยวกับเงินกับทอง มาตั้งวางไว้บนโต๊ะบูชาด้วย
5. จุดธูปเทียนบูชาและไหว้ขอพรกับเทพเจ้าไฉ่ซิงเอี้ย โดยกล่าวคาถาดังนี้
ให้ตั้งนะโม 3 จบ แล้วกล่าวว่า "โอม ชัมภาลา จาเลนไน เยโซฮา" (สวด 3 จบ 9 จบ หรือ 12 จบ ก็ได้) แล้วให้กล่าวชื่อและนามสกุลของตัวเอง และเรื่องที่จะขอพร
6. นำของไหว้ที่เป็นกระดาษทั้งหมดเผา
7. เมื่อธูปใกล้จะหมดแล้วให้รีบนำกระถางธูปเข้าบ้าน และปิดประตู-หน้าต่างให้สนิท เพื่อให้ควันธูปที่เหลือได้ตลบอบอวลอยู่ข้างในบ้าน เนื่องจากเชื่อกันว่าเป็นการอัญเชิญให้เทพเจ้าไฉ่ซิงเอี้ยเข้ามาประทับในบ้าน
8. รับประทานสาคูที่ไหว้และพูดจาแต่ถ้อยคำดีๆ เพื่อความเป็นสิริมงคลในวันเริ่มต้นปีใหม่
ข้อห้ามวันตรุษจีนที่ควรรู้
การปฏิบัติตนตามธรรมเนียมปฏิบัติก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่สำคัญสำหรับคนจีนหรือคนไทยเชื้อสายจีน โดยคนจีนยังเชื่อกันว่าในวันตรุษจีน ลูกหลานต้องปฏิบัติตามธรรมเนียม พิธีกรรม และข้อห้ามต่างๆ ไม่ให้ขาดตกบกพร่อง จึงจะช่วยเสริมให้การใช้ชีวิตหลังปีใหม่เต็มไปด้วยความสุข ร่างกายแข็งแรง เงินทองไหลมาเทมาไม่ขาดสาย ที่สำคัญต้องสวมใส่เสื้อผ้าสีมงคลเท่านั้น ซึ่งสีประจำตรุษจีน ได้แก่ สีแดงและสีทอง โดยสีแดงเป็นตัวแทนของความสงบสุข ร่มเย็น ส่วนสีทองเป็นตัวแทนของความมั่งคั่ง ร่ำรวย สำหรับสีต้องห้ามในวันตรุษจีนคือ สีดำ สีเทา และสีขาว ที่เปรียบเสมือนตัวแทนของความตาย ความโชคร้าย และความไม่เป็นมงคล ในส่วนของข้อห้ามสำคัญอื่นๆ มีดังนี้
- ห้ามทะเลาะเบาะแว้ง ห้ามร้องไห้ ห้ามพูดคำหยาบ
- ห้ามทำความสะอาดบ้าน
- ห้ามซักเสื้อผ้า
- ห้ามทำของแตก หากมีของแตกในบ้านต้องนำไปทิ้งทันที
- ห้ามใช้ของมีคม เช่น มีด กรรไกร
- ห้ามให้คนอื่นเข้าไปในห้องนอนวันตรุษจีน
- ห้ามยืมเงินหรือให้คนอื่นยืมเงิน
เพื่อนๆ ได้รู้เกี่ยวกับเกร็ดความรู้ต่างๆ ข้อควรปฏิบัติ รวมไปถึงประวัติความเป็นมาและตำนานของวันตรุษจีนกันไปแล้ว เป็นยังไงกันบ้าง อ่านเพลินๆ กันเลยทีเดียว ใครไปเที่ยวช่วงวันตรุษจีนอย่าลืมตรวจเช็กสภาพรถและทำประกันรถยนต์ติดรถไว้ด้วยนะครับ ซื้อประกันรถยนต์ยุคดิจิตัลแบบนี้ต้อง OOHOO.io เท่านั้น ประกันรถยนต์ออนไลน์ที่ซื้อง่าย มีแพ็กเกจหลากหลายจากบริษัทประกันชั้นนำยอดนิยม รับกรมธรรม์ออนไลน์ได้เลย คุ้มครองทันทีหลังซื้อ แถมส่วนลดค่าประกันแบบจุกๆ อีก ปีใหม่ทั้งทีต้องมีประกันรถยนต์ติดรถไว้ด้วยนะคร้าบ จะได้สบายใจอุ่นใจหายห่วง Mr. OOHOO ก็ขอให้วันตรุษจีนปีนี้ เต็มไปด้วยความสุข เฮงๆ ร่ำรวยๆ ได้อั่งเปากันเยอะๆ ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดใช้นะครับ