ขับตามหลังรถฉุกเฉิน ผิดกฏหมายจริงไหม?

            บางครั้งเราอาจได้ยินเสียงไซเรนเปิดขอทางให้กับผู้ป่วยฉุกเฉิน มารยาทที่ดีของการเป็นผู้ขับขี่ คือ เปิดทางให้รถฉุกเฉินวิ่งได้ แต่ถ้าใครขับจี้รถฉุกเฉินเพื่อหวังจะอาศัยเส้นทางด่วนเพื่อประโยชน์ส่วนตัว พฤติกรรมแบบนี้ ไม่น่ารักแถมไม่ถูกกฎหมายด้วยนะครับ

            บทความนี้ Mr.OOHOO พามาดูว่า  ขับตามหลังรถฉุกเฉิน ผิดกฏหมายจริงไหม? โดนปรับ หรือต้องรับโทษอย่างไร? ถ้าพร้อมแล้ว ตามไปดูพร้อม ๆ กันครับ 

            พระราชบัญญัติจราจรทางบก ระบุไว้ว่า  ห้ามขับตามหลังรถฉุกเฉินในระยะ 50 เมตร ถ้ามีคนตีเนียนเจอรถฉุกเฉินแล้วขอขับตามเพื่อจะได้แซงรถคันอื่น ๆ ในชั่วโมงเร่งด่วน หากเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรพบเห็น เพื่อน ๆ จะต้องถูกจับ หรือโดนปรับอย่างแน่นอน

             ตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 76 ระบุไว้ว่า ผู้ใช้รถใช้ถนน เดินเท้า ต่อ รถพยาบาลฉุกเฉินจะต้องหลบและหลีกให้พ้นเส้นจราจรทางด้านซ้ายทันทีเมื่อได้ยินเสียงสัญญาณไซเรนหรือเห็นไฟวิบวับ หากฝ่าฝืนจะต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 500 บาท รู้แบบนี้แล้ว ก็ไม่ควรฝ่าฝืนกฎจราจรอย่างเด็ดขาดเลยนะครับ 

ข้อปฏิบัติเมื่อเจอรถพยาบาลฉุกเฉิน  
- ถ้าสังเกตเห็นรถฉุกเฉินวิ่งตามหลังมา ควรกะระยะห่างและความเร็วของรถที่วิ่งมา พร้อมทั้งรถยนต์คันข้าง ๆ
- พิจารณาปริมาณรถยนต์ทั้งซ้ายและขวาที่อยู่ใกล้ว่าสามารถเบี่ยงชิดซ้ายได้หรือไม่ หากลดความเร็วรถและเบี่ยงซ้ายได้ ให้รีบหลีกทางให้รถพยาบาลทันที
- หากไม่สามารถเบี่ยงตัวออกด้านซ้ายได้ จากสภาพการจราจรที่หนาแน่นและติดขัด ควรหยุดชะลอรถให้นิ่งเพื่อให้ รถพยาบาลฉุกเฉิน หาทางวิ่งผ่านเราไปให้ได้
- เมื่อ รถฉุกเฉิน วิ่งผ่านไปแล้วห้ามขับตามเด็ดขาด
- กรณีรถติดและ รถพยาบาลฉุกเฉิน อยู่ด้านหลังพอดีให้พิจารณาว่าควรชิดซ้ายหรือชิดขวาดี ถ้าไม่มีใครหลีกทางให้ เปิดไฟเลี้ยว เพื่อให้สัญญาณให้รถพยาบาลฉุกเฉิน ได้แซงผ่านไปได้สะดวก

                ได้คำตอบแบบชัดเจนเลยว่า ขับตามหลังรถฉุกเฉิน ผิดกฏหมายจริง! หากฝ่าฝืน ยังโดนปรับอีก 500 บาทเชียว รู้แบบนี้แล้ว ก็ไม่ควรฝ่าฝืนกฎจราจรอย่างเด็ดขาด ป้องกันเหตุฉุกเฉิน มีประกันรถยนต์คุ้มครอง ที่ OOHOO.io แหล่งรวมประกันรถยนต์ออนไลน์ มีแพ็กเกจให้เลือกหลากหลายจากบริษัทประกันชั้นนำยอดนิยม เปรียบเทียบเบี้ยได้เอง กดซื้อง่ายตลอด 24 ชั่วโมง ขั้นตอนไม่ซับซ้อน ผ่อนจ่ายเงินสด คุ้มครองทันทีหลังจ่ายงวดแรก!

ขอบคุณข้อมูลจาก : mthai